ฟิลเลอร์ ให้ผลลัพธ์ด้านใด ศึกษาให้เข้าใจก่อนตัดสินใจฉีด

หลาย ๆ คนอาจไม่เคยมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์มาก่อนเลย และเพิ่งเริ่มมีความสนใจในเรื่องนี้ จึงทำให้รู้สึกเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย หรือฉีดไปแล้วจะส่งผลเสียระยะยาวต่อร่างกายหรือเปล่า นอกจากนั้นแล้วบางคนก็กังวลเรื่องของผลลัพธ์ที่จะออกมา ด้วยปัญหาคาใจเหล่านี้ หมอจึงขอรวบรวมประเด็นที่คุณควรต้องรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์มาบอก จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

ฟิลเลอร์คืออะไร ?

Filler หรือ ฟิลเลอร์ แปลตรงตัวได้ว่า “สารเติมเต็ม” นั่นหมายความว่าไม่ว่าจะเป็นสารสังเคราะห์ทางเคมี หรือสารที่มีตามธรรมชาติอย่างไขมันของเราเอง ที่สามารถนำมาเติมเข้าสู่ร่างกายเพื่อจุดประสงค์ในการเติมเต็มให้กับผิว เราสามารถเรียกว่าฟิลเลอร์ได้ทั้งนั้น

แต่สำหรับสารมาตรฐานที่ใช้สำหรับการเติมเต็มผิว ณ ปัจจุบัน คือสารที่เรียกว่า “ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid : HA)” ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยกักเก็บน้ำและคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว

สารชนิดนี้มีโมเลกุลที่ใกล้เคียงหรือคล้ายกับสารตามธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายของมนุษย์ จึงสามารถนำเข้าสู่ร่างกายได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย สามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการตกค้างภายในร่างกาย

การฉีดฟิลเลอร์ช่วยอะไรได้บ้าง ?

กระบวนการฉีดฟิลเลอร์ คือ กระบวนการฉีดสารเติมเต็มเสริมเข้าไปที่ชั้นผิวหนัง เพื่อให้ผิวหนังเกิดความยืดหยุ่น ผิวหน้าเต่งตึง ร่องลึกบนใบหน้าดูตื้นขึ้น และคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าในระยะเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นหากจะสรุปถึงประโยชน์ของการฉีดก็พอจะสรุปได้ดังนี้

  1. ช่วยลดริ้วรอยและร่องลึก ทำให้รอยหมองคล้ำดูจางลง
  2. ช่วยในการเติมเต็มใบหน้า ทำให้ผิวหน้าดูเต่งตึง เรียบเนียน และมีน้ำมีนวลมากขึ้น
  3. ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ไม่แห้งกร้าน
  4. ช่วยปรับรูปหน้าให้กลับมาเข้ารูป ดูดีอย่างเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท ?

ด้วยเพราะปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์คือสิ่งหนึ่งที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากของคนที่ใส่ใจในการดูแลตนเอง จึงทำให้มีการนำสารหลายรูปแบบเข้ามาใช้ในกระบวนการนี้

ซึ่งมีทั้งแบบที่ปลอดภัยมาก ค่อนข้างปลอดภัย และอันตรายดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรู้ถึงประเภทของฟิลเลอร์เพื่อที่จะได้เลือกประเภทได้เหมาะสมถูกต้อง

ซึ่งการแบ่งประเภท Filler ก็จะแบ่งหลัก ๆ ได้ออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้

  1. แบบชั่วคราว (Temporary Filler)

ฟิลเลอร์ชนิดนี้ก็คือไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA) ถือว่าเป็นชนิดที่มีความปลอดภัยสูง ด้วยลักษณะโมเลกุลคล้ายหรือใกล้เคียงกับสารธรรมชาติในร่างกายของเรามากที่สุด ทำให้โอกาสที่จะเกิดอาการแพ้นั้นมีน้อยมาก หรือเรียกได้ว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ก็ว่าได้

โดยชนิดนี้ฉีด 1 ครั้งจะอยู่ได้นาน 6-24 เดือน ขึ้นกับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ตามความเหมาะสมในแต่ละบริเวณที่ฉีด และสามารถจะสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ

  1. แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler)

สารชนิดนี้ก็คือ สารแคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite : CaHA) สารในกลุ่มนี้สามารถเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อร่างกายของเรา ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ

โดยมีการใช้สารกลุ่มนี้ในต่างประเทศ แต่สารในกลุ่มนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้นำมาใช้เพื่อการรักษาในประเทศไทย เนื่องจากสารชนิดนี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือเกิดอาการแพ้ได้ จึงจัดได้ว่าเป็นชนิดที่ค่อนข้างปลอดภัยเท่านั้น

  1. แบบถาวร (Permanent Filler)

ชนิดนี้จะเป็นสารประเภทซิลิโคนเหลวหรือน้ำมันพาราฟิน ทำให้ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ แพทย์จึงไม่แนะนำให้ฉีดเพราะถือว่าเป็นชนิดที่ก่อให้เกิดการอักเสบและเป็นอันตรายต่อผู้ฉีดได้

ฟิลเลอร์ฉีดในตำแหน่งใดบ้าง ?

การฉีดฟิลเลอร์นั้นฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า ซึ่งแต่ละตำแหน่งก็จะให้ผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันไป ดังนี้

  1. หน้าผาก ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูดีมีสัดส่วนมากขึ้น
  2. ขมับ ช่วยปรับรูปหน้า ลดความเด่นของโหนกแก้มลงไป ทำให้ใบหน้าโดยรวมมีสัดส่วนที่เหมาะสมมากขึ้น
  3. ใต้ตา ช่วยลดปัญหาเรื่องริ้วรอยใต้ตา ช่วยทำให้ใบหน้าแลดูสดใสมากขึ้น
  4. แก้มส้ม ช่วยปรับรูปหน้าให้มีมิติและได้สัดส่วน อีกทั้งยังทำให้ร่องใต้ตาและร่องแก้มดูตื้นขึ้น
  5. แก้มตอบ ช่วยปรับรูปหน้าให้เข้ารูป ดูมีสัดส่วน ลดความเด่นของโหนกแก้ม
  6. ร่องแก้ม ช่วยลดริ้วรอยลึก ทำให้ร่องแกมตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
  7. ปาก ช่วยให้ปากมีรูปทรงที่สวยขึ้น และดูชุ่มชื้นอวบอิ่มมากขึ้น
  8. คาง ช่วยปรับหน้าให้ดูเรียวมากขึ้น เป็นการปรับรูปหน้าให้ดูดีอีกแบบหนึ่ง
  9. ร่องน้ำหมาก ช่วยลดริ้วรอยลึกบริเวณมุมปาก ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
  10. จมูก ช่วยปรับแก้ไขรูปจมูกให้ดูสวยขึ้น ทำให้ใบหน้าดูมีสัดส่วนที่ลงตัวมากขึ้น
  11. กรอบหน้า ช่วยปรับกรอบหน้าให้ดูคมชัด ได้รูปและมีมิติมากยิ่งขึ้น

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ?

  1. งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีด 24 ชั่วโมงหรือจะให้ดีควรงดอย่างน้อย 3 วันก่อนเข้ารับการฉีด เนื่องจากแอลกอฮอล์นั้นมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด จะส่งผลให้เกิดอาการช้ำได้ง่ายหลังจากทำการฉีด
  2. เลี่ยงการรับประทานยาบางชนิดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด อย่างเช่น ยาแก้ปวดแก้อักเสบในกลุ่ม NSAIDs ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) และแอสไพริน (Aspirin) เป็นต้น รวมไปถึงอาหารเสริมบางชนิด เช่น น้ำมันตับปลา แปะก๊วย โสม ก็ควรเลี่ยงเช่นกัน
  3. การเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการฉีด ควรแจ้งถึงโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำให้แพทย์ทราบด้วย (ถ้ามี)
  4. เลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเค็มสูง เพราะอาหารที่มีความเค็มมีโอกาสจะทำให้เกิดภาวะน้ำคั่ง ทำให้หลังการฉีดเกิดอาการบวมบริเวณที่ฉีดได้
  5. งดกิจกรรมที่ต้องใช้ร่างกายหนัก ๆ และพยายามทำใจให้สบาย ไม่ต้องเป็นกังวลจนเกินไป
  6. ก่อนรับบริการจากที่ใดควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกหรือสถานบริการที่คุณสนใจ และให้เลือกสถานบริการที่มีมาตรฐานผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น
  7. การเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่จะทำการฉีด ควรเลือกชนิดที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. ไม่ควรเลือกที่ราคาถูกแต่ไม่มีมาตรฐาน จะได้มั่นใจได้ในความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่คุ้มค่า

สรุป

ตอนนี้เชื่อว่าทุกคนคงพอจะได้คำตอบกันแล้วว่า การฉีดฟิลเลอร์นั้นไม่ได้อันตรายหรือมีอะไรที่น่ากังวล หากว่ากระบวนการฉีดนั้นได้รับการดูแลและให้บริการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ภายในสถานบริการที่ได้มาตรฐาน ก็รับรองได้เลยว่าปลอดภัยไร้กังวล ส่วนผลลัพธ์นั้นก็ขึ้นอยู่กับการเลือกประเภทชนิดของสารและยี่ห้อฟิลเลอร์ที่จะฉีดเข้าไปด้วย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่โดยรวม ๆ แล้วถือว่าคุ้มค่าและให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจอย่างแน่นอน

คุณหมอเฟรนด์

พญ. ศิรดา จันทนาสุภาภรณ์
Dr. Sirada Chanthanasupaporn

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของเว็บไซต์ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายคุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า